วันพฤหัสบดีที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

การป้องกันอันตรายจากอาคารพังทลาย

แผ่นดินไหวเป็นเหตุการณ์ธรรมชาติที่ไม่อาจควบคุมได้ อันตรายสำคัญจากแผ่นดินไหวได้แก่ อาคารพังทลายทับผู้ที่อยู่อาศัย และสัญจรไปมา มาตรการป้องกันอันตรายที่ใช้อยู่ทั่วไป ได้แก่ การจัดทำแผนที่ความเสี่ยงภัยแผ่นดินไหว จัดแบ่งพื้นที่ออกตามระดับความเสี่ยง และกำหนดมาตรฐานการออกแบบก่อสร้างอาคารในแต่ละพื้นที่ ให้มีระดับความต้านทานแผ่นดินไหวที่เหมาะสม

ในพ.ศ. ๒๕๓๗ ได้มีงานวิจัยในประเทศไทยที่นำข้อมูลเกี่ยวกับแผ่นดินไหวที่มีอยู่ทั้งใน ประเทศไทยและประเทศใกล้เคียง มาประมวลและวิเคราะห์ สร้างเป็นแผนที่ความเสี่ยงภัยแผ่นดินไหวของประเทศไทย โดยจัดพื้นที่ตามระดับอัตราเร่งสูงสุดของแผ่นดินไหวที่อาจเกิดขึ้น โดยหลักเกณฑ์ที่ใช้จะใกล้เคียงกับกฎหมายควบคุมอาคาร (Uniform Building Code หรือ UBC) ที่ใช้ในสหรัฐอเมริกา การจัดพื้นที่ได้แบ่งพื้นที่ออกเป็น ๕ ระดับจากระดับ ๐ ถึงระดับ ๔ โดยระดับ ๐ หมายถึง พื้นที่ปลอดภัยจากแผ่นดินไหว และระดับ ๔ เป็นพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงสุด กล่าวคือมีแผ่นดินไหวขนาดใหญ่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง

ในการออกแบบอาคาร ต้านแผ่นดินไหว โดยทั่วไปจะยอมให้อาคารมีการโยกไหวรุนแรงจนตัวอาคารแตกร้าวเสียหายได้ แต่จะต้องไม่พังทลายลงมา การออกแบบโครงสร้างอาคารให้ต้านทานการสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวเป็นเรื่อง ยาก เพราะจะต้องคำนึงถึงพฤติกรรมทางพลศาสตร์ในสภาวะ ที่มีการเปลี่ยนรูปร่างเกินพิกัดยืดหยุ่น (Elastic Limit) หลักการออกแบบตามมาตรฐานที่ใช้อยู่ทั่วไปจึงปรับให้ง่ายขึ้น โดยกำหนดให้ออกแบบให้โครงสร้างสามารถรับแรงใน แนวราบได้ในระดับที่กำหนด แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ออกแบบต้องพิจารณารูปร่างสัดส่วน โครงสร้างให้มีความสมมาตร สามารถโยกไหวได้โดยไม่บิดตัว นอกจากนี้ จะต้องคำนึง ถึงการจัดรายละเอียด เช่น การเสริมเหล็กให้โครงสร้างสามารถดูดซับพลังงานได้ดี

การป้องกันตัวเองเมื่อเกิดแผ่นดินไหว และการปฏิบัติตัว รูปที่ 1

พื้นดินกลายสภาพคล้ายของเหลว

นอก จากจะทำให้อาคารโยกไหวแล้ว แผ่นดินไหวอาจทำให้พื้นดินมีสภาพคล้ายของเหลวและสูญเสียกำลังแบกทานโดยสิ้น เชิง สภาพการณ์เช่นนี้อาจเกิดขึ้นเมื่อเกิดแผ่นดินไหวในบริเวณที่มีสภาพดินเป็น ดินทราย และมีระดับน้ำใต้ดินสูง การที่ดินมีสภาพคล้ายของเหลวเกิดจากการที่พื้นดินได้รับแรงกระแทก เช่น แรงระเบิด หรือแรงกระทำซ้ำ เช่น แผ่นดินไหว ภายใต้แรง กระทำดังกล่าว แรงดันน้ำระหว่างมวลดินจะสูงขึ้นจนเท่ากับแรงดันระหว่างมวลดิน ซึ่งทำให้ดินสูญเสียกำลังเฉือน ในสภาพเช่นนี้ อาจเกิดสภาวะทรายดูด หรือดินไหลในแนวราบเช่นเดียวกับของเหลว สิ่งก่อสร้าง อาจจมหรือทรุดตัวลง

จาก การศึกษาถึงความเสียหายของโครงสร้างที่เกิดจากการเกิดแผ่นดินไหว พบว่า มีโครงสร้างจำนวนมากเสียหายจากการที่พื้นดินกลายสภาพคล้ายของเหลวขณะเกิด แผ่นดินไหว ตัวอย่างเช่น แผ่นดินไหวที่ประเทศชิลีในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๐๓ แผ่นดินไหวที่ประเทศเม็กซิโกในวันที่ ๒๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๐๒ และแผ่นดินไหวที่มลรัฐอะแลสกา ประเทศสหรัฐอเมริกา ใน พ.ศ. ๒๕๐๗


ข้อควรปฏิบัติของประชาชน

นอก จากการป้องกันการพังทลายของอาคารแล้ว มาตรการเตรียมพร้อมและการ เตรียมรับสถานการณ์ฉุกเฉินหลังเกิดเหตุ ก็มีส่วนช่วยบรรเทาความเสียหายได้บ้าง กรมอุตุนิยมวิทยาได้จัดทำคำแนะนำการป้องกันอันตรายจากแผ่นดินไหวไว้ดังนี้ (ดูเรื่องน่ารู้ เกี่ยวกับแผ่นดินไหว)

การเตรียมพร้อม
๑. ควรมีไฟฉาย ถ่านไฟฉาย และกระเป๋ายาเตรียมไว้ในบ้าน และแจ้งให้ทุกคนทราบว่าเก็บไว้ที่ไหน
๒. ควรศึกษาการปฐมพยาบาลขั้นต้น เพื่อใช้ในยามฉุกเฉิน
๓. ควรทราบตำแหน่งวาล์วปิดถังแก๊ส ปิดน้ำ และตำแหน่งสะพานไฟฟ้าสำหรับตัดกระแสไฟฟ้า และทุกคนในบ้านควรจะ ทราบวิธีการปิดวาล์วถังแก๊ส และยกสะพานไฟฟ้า
๔. อย่าวางของหนักไว้บนชั้นหรือหิ้งสูงๆ เพราะเมื่อมีการสั่นไหว สิ่งของอาจตกลงมาเป็นอันตรายต่อคนในบ้าน
๕. ผูกเครื่องใช้ให้แน่นกับพื้น และยึดเครื่องประดับบ้านหนักๆ เช่น ตู้ถ้วยชาม ไว้กับผนัง
๖. ควรวางแผนการในกรณีที่ทุกคนอาจต้องพลัดพรากจากกัน ว่าจะกลับมารวมกันที่ไหน อย่างไร



เมื่อเกิดแผ่นดินไหว
๑. อยู่อย่างสงบ ควบคุมสติ อย่าตื่นตกใจ ถ้าอยู่ในบ้านก็ให้อยู่ในบ้าน ถ้าอยู่นอกบ้านก็ให้อยู่นอกบ้าน ส่วนใหญ่คนที่ได้รับบาดเจ็บเพราะวิ่งเข้า - ออกจากบ้าน
๒. ถ้าอยู่ในบ้านก็ให้ยืนอยู่ในส่วนของ บ้านที่มีโครงสร้างแข็งแรง และควรอยู่ห่างจากหน้าต่างและประตูที่จะออกข้างนอก
๓. ถ้าอยู่ในที่โล่ง ให้อยู่ห่างจากเสาไฟฟ้าหรือสิ่งห้อยแขวนต่างๆ ที่อาจตกลงมา
๔. อย่าใช้เทียนไข ไม้ขีดไฟ หรือสิ่งที่ทำให้เกิดเปลวไฟ เพราะอาจมีแก๊สรั่วอยู่ในบริเวณนั้น
๕. ถ้ากำลังอยู่ในรถยนต์ ให้หยุดรถ และอยู่ในรถต่อไปจนกว่าการสั่นสะเทือนจะหยุดลง
๖. ห้ามใช้ลิฟต์โดยเด็ดขาดขณะเกิดแผ่นดินไหว
๗. หากอยู่ใกล้ชายทะเล ให้อยู่ห่างจากฝั่ง เพราะอาจเกิดคลื่นขนาดใหญ่ซัดเข้าหาฝั่ง



เมื่ออาการสั่นไหวสงบลง
๑. ควรตรวจดูตัวเองและคนใกล้เคียงว่าได้รับบาดเจ็บหรือไม่ ถ้ามีการบาดเจ็บ ให้ทำการปฐมพยาบาลก่อน หากว่าบาดเจ็บมาก ให้นำส่งสถานพยาบาลต่อไป
๒. ควรรีบออกจากตึกที่เสียหาย เพื่อความปลอดภัยจากอาคารถล่มทับ
๓. ควรตรวจท่อน้ำ แก๊ส และสายไฟฟ้า หากพบส่วนที่เสียหาย ปิดวาล์วน้ำหรือถังแก๊ส และยกสะพานไฟฟ้า
๔. ตรวจแก๊สรั่วโดยการดมกลิ่น ถ้าได้ กลิ่นแก๊ส ให้เปิดหน้าต่างและประตูทุกบาน รีบออกจากบ้าน และแจ้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
๕. เปิดวิทยุฟังคำแนะนำฉุกเฉิน อย่าใช้โทรศัพท์ถ้าไม่จำเป็น เพราะอาจจะใช้ส่งข่าว
๖. อย่ากดน้ำล้างโถส้วมจนกว่าจะตรวจสอบว่า มีสิ่งตกค้างอยู่ในท่อระบายหรือไม่
๗. สวมรองเท้าหุ้มส้น เพื่อป้องกันเศษ แก้วและสิ่งหักพังทิ่มแทง




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น